ภาพรวมตลาด
ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ของบริษัท Alphabet สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ แม้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยรายได้รวมของบริษัทเติบโตถึง 12% อยู่ที่ระดับ 9.023 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.81 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก รายได้หลักจากธุรกิจโฆษณา YouTube และบริการ Cloud ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากการสมัครสมาชิก YouTube Premium ที่ขยายตัวจนแตะระดับ 125 ล้านบัญชี ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแรงของฐานรายได้ประจำที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อไปในระยะยาว
หนึ่งในปัจจัยหนุนสำคัญของ Alphabet คือความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะการพัฒนาโมเดล Gemini 2.5 และการผสาน AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ เพิ่มการมีส่วนร่วม และเปิดทางสู่แหล่งรายได้ใหม่จากโฆษณา AI นอกจากนี้ ความคืบหน้าในการเจรจากับ Apple เพื่อผนวก Gemini AI เข้ากับอุปกรณ์ iOS ก็ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการขยายฐานผู้ใช้นอกระบบ Android ซึ่งอาจพลิกเกมการแข่งขันในระยะยาว แม้ว่ารายได้จากธุรกิจ Cloud จะต่ำกว่าที่คาดไว้เพียงเล็กน้อย แต่ยังคงเติบโตถึง 28% เมื่อเทียบรายปี พร้อมการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน Alphabet ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและความเอาใจใส่ต่อผู้ถือหุ้น ผ่านการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมประกาศเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ การประเมินมูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่ซื้อขายอยู่เพียง 18 เท่าของกำไรล่วงหน้า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และอาจยังไม่ได้สะท้อนศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างเต็มที่ แม้จะยังมีแรงกดดันจากประเด็นด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนจากภาษีนำเข้า แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผนวกกับศักยภาพด้าน AI ที่กำลังเข้ามาเสริมธุรกิจในแทบทุกมิติ จึงทำให้หุ้นของ Alphabet ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นในระยะต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาหุ้นของ Alphabet Inc. (GOOGL) ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในจุดชี้วัดสำคัญในกรอบเวลารายวัน (Daily) โดยแม้ในช่วงที่ผ่านมา ราคาจะปรับตัวลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดที่บริเวณ 201 ดอลลาร์ แต่ก็สามารถดีดกลับขึ้นมาได้หลังจากลงไปทดสอบแนวรับบริเวณกรอบสีแดง ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีการสะสมแรงซื้อในอดีต อีกทั้งยังอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นหลัก จึงยังสะท้อนให้เห็นว่าโครงสร้างแนวโน้มระยะกลางยังไม่เสียไปอย่างชัดเจน ด้านตัวชี้วัดทางเทคนิค ค่า RSI ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 49 ซึ่งแม้จะยังไม่เข้าสู่โซนแรงซื้อที่ชัดเจน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน MACD ก็เริ่มมีสัญญาณบวกจากการโค้งกลับของเส้น MACD เข้าใกล้เส้นสัญญาณ ซึ่งหากมีการตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณได้จริง ก็จะยิ่งหนุนภาพการฟื้นตัวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากราคายังคงสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับในกรอบสีแดง และไม่หลุดแนวรับจากเส้นเทรนด์ไลน์ด้านล่าง ก็มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง โดยมีแนวต้านสำคัญถัดไปที่ควรจับตาอยู่บริเวณ 185 ดอลลาร์ ซึ่งหากสามารถทะลุผ่านไปได้ อาจเป็นการยืนยันการกลับตัวในภาพเทคนิคัลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
GOOGLE (DAILY)
